ชีววิทยา กิจกรรมท้ายบทที่ 10

1.1จัดเป็นพฤติกรรมลองผิดลองถูก  โดยพิจารณาเวลาที่ใช้ในการบินวนหาถ้วยน้ำเชื่อมน้อยลง
1.2จัดเป็นพฤติกรรมแบบมีเงื่อนไข  เพราะหลังจากนกได้เรียนรู้แล้วแม้เสียงดีดนิ้วของแดงซึ่งเป็นสิ่งเร้าไม่แท้จริงอย่างเดียวสามารถทำให้นกบินมาเกาะคานไม้เพื่อกินอาหารทั้งที่แดงไม่ได้วางอาหารไว้
1.3จัดเป็นพฤติกรรมการเรียนรู้แบบแฮบบิชูเอชัน  ลูกช้างตอบสนองโดยการไม่วิ่งหนีและส่งเสียงร้องอีก  เพราะเกิดการเรียนรู้ว่าสวนสัตว์ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยใหม่ไม่มีอันตรายต่อตนเอง

2.1การชักใยของแมงมุมเป็นพฤติกรรมที่มีมาแต่กำเนิด โดยจากการศึกษาพบว่า แมงมุมสปีชีส์ Araneus diadematus จะชักใยเป็นแบบเฉพาะของสปีชีส์ โดยไม่ต้องเห็นวิธีการชักใยเลย เคยมีการทดลองนำแมงมุมชนิดนี้ใส่ไว้ในหลอดแก้วแคบๆ ตั้งแต่แรกเกิด เมื่ออายุเหมาะสมจึงนำออกจากหลอดแก้ว แมงมุมก็ยังสามารถชักใยได้ และแบบของใยก็เหมือนกับแมงมุมตัวอื่นๆ ที่สปีชีส์เดียวกัน เพียงแต่ครั้งแรกๆ สร้างใยได้ขนาดเล็ก จนต่อมสร้างใยเริ่มมีประสิทธิภาพสูงขึ้นจึงสร้างใยได้เป็นปกติ จึงเป็นพฤติกรรมแบบ FAP ซึ่งมาจากพันธุกรรม และได้มีการทดลองต่อโดยให้สารที่มีผลต่อการทำงานของสมองซึ่งจะทำให้แมงมุมชักใยไม่สมบูรณ์ และยังมีการฉายรังสีเพื่อทำลายต่อมชักใยขงแมงมุม แมงมุมก็ยังคงแสดงพฤติกรรมชักใยอยู่ แต่ไม่ผลิตใยเท่านั้น โดยการที่แมงมุมชักใยนั้นสิ่งกระตุ้น คือ ความต้องการอาหารของแมงมุม เพราะแมงมุมชักใยเพื่อดักจับอาหาร

ภาษาที่ใช้ในการสื่อสารทั้งมนุษย์และสัตว์แบ่งออกเป็น 2 อย่าง คือ ภาษาพูด (ใช้เสียง) และภาษาท่าทาง (เป็นการใช้อวัยวะประกอบในการสื่อสาร) แมวสามารถใช้ หางในการสื่อสาร บ่งบอกถึงอารมณ์ของมัน(เช่น เดียวกันกับสัตว์ชนิดอื่นๆ) ดังต่อไปนี้.

 2.2

	ถ้าหางม้วนห้อยลง แต่ส่วนปลายหางม้วนชี้ขึ้น : แสดงว่าแมวตัวนี้กำลังรู้สึกสบายและผ่อนคลาย
	ถ้าหางของมันยกขึ้นเล็กน้อยและม้วนเล็กน้อยอย่างนุ่มนวล : แสดงว่าแมวตัวนี้กำลังรู้สึกเริ่มที่จะสนใจสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
	ถ้าหางของแมวตั้งขึ้น แต่ปลายหางเอียง ไม่ว่าจะเป็นการเอียงไปข้างหน้า หรือข้างหลัง : แสดงว่าแมวตัวนี้กำลังสนใจและมีความรู้สึกเป็นมิตรต่อสิ่งที่สนใจ
	ถ้าหางตั้งตรงและปลายหางตั้งตรงในแนวดิ่ง : แสดงว่าแมวกำลังมีอารมณ์ดี รู้สึกเป็นมิตร เมื่อได้พบกัน

2.3พฤติกรรมแบบรีเฟลกซ์ต่อเนื่อง (Chain of reflex)
พฤติกรรมแบบรีเฟลกซ์ต่อเนื่อง (Chain of reflex) หรือที่เรียกว่า สัญชาตญาณ (Instinct) เป็นพฤติกรรมที่เกิดจากรีเฟลกซ์หนึ่งสามารถไปกระตุ้นให้เกิดรีเฟลกซ์อื่นๆ ของระบบประสาทให้ทำงาน มีผลทำให้เกิดพฤติกรรมย่อยหลายพฤติกรรมต่อเนื่องกัน 
ลักษณะสำคัญของพฤติกรรมแบบรีเฟลกซ์ต่อเนื่อง 
1.มีแบบแผนพฤติกรรมอัตโนมัติคงที่แน่นอน (Fixed action pattern) และในสปีชีส์เดียวกันจะมีแบบแผนเป็นอย่างเดียวกันทั้งหมด ช่วยให้สัตว์จดจำพวกเดียวกันได้ 
2.สามารถแสดงพฤติกรรมออกมาได้ แม้จะถูกแยกออกจากเพื่อนร่วมสปีชีส์ก็ตาม 

3.สามารถแสดงพฤติกรรมได้ทันทีภายหลังเกิด หรือจะแสดงออกมาได้ เมื่อร่างกายมีความพร้อม 
4.พฤติกรรมที่มีมาแต่กำเนิดแบบนี้อาจถูกเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นได้เมื่อสัตว์ได้รับประสบการณ์มากขึ้น 
ตัวอย่างแบบรีเฟลกซ์ต่อเนื่อง เช่น 
1.พฤติกรรมการดูดนมของทารกและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆ ตามธรรมชาติ 
2.พฤติกรรมการสร้างรังของนกและสัตว์ต่างๆ 
3.การชักใยของแมงมุม 
4.การแทะมะพร้าวของกระรอก 
5.การฟักไข่และการเลี้ยงลูกอ่อนของไก่ 
6.พฤติกรรมการเกี้ยวพาราสีของสัตว์ (Courtship behaviour) 
7.การปกป้องอาณาเขตบริเวณที่อยู่อาศัยของสัตว์ 
8.การเต้นรำของผึ้งงานเพื่อบ่งบอกแหล่งอาหารและความอุดมสมบูรณ์ของอาหาร โดยเต้นเป็นวงกลม (Round dance) เมื่อแหล่งอาหารอยู่ใกล้และเต้นเป็นรูปเลขแปด (Waggle dance) เมื่อแหล่งอาหารอยู่ไกลและอาจมีการส่ายท้องควบคู่โดยการส่ายท้องช้าถ้ามีอาหารน้อยและส่ายท้องเร็วเมื่อมีอาหารมาก 
9.หมาร่าต่อยผึ้งหรือตั๊กแตนแล้วคาบมาไว้ในรังเพื่อเป็นอาหารของตัวอ่อน 
10.การจับสัตว์กินเป็นอาหารของผู้ล่าหรือการจิกกินอาหารของไก่ 
11.การอพยพย้ายถิ่นชั่วคราวของสัตว์ 
12.พฤติกรรมการจำศีลของสัตว์ (Hibernation) 
13.พฤติกรรมการออกหากินของสัตว์ตามช่วงเวลา เช่น หากินกลางวันหรือกลางคืน เช้าตรู่หรือหัวค่ำ 
14.การต่อสู้ศัตรูของสัตว์ระดับพฤติกรรมรีเฟลกซ์ต่อเนื่องนี้ จะพบมากที่สุดในแมลงและจะมีการแสดงพฤติกรรมนี้ลดลงตามลำดับเมื่อสัตว์มีวิวัฒนาการสูงขึ้น